Wed Dec 25
สมาคมเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน สนับสนุนนโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จากจีนสู่อาเซียน
2021-05-28
สมาคมเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน จับมือสมาคมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีนลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมสนับสนุนนโยบายความริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ยุทธศาสตร์การช่วยเหลือเกื้อกูลประเทศในย่านอาเซียน
โดยสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหาแนวทางแก้ไขวิกฤตเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19, ปัญหาสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมาร์ และการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ร่วมขับเคลื่อนนโยบายความริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ยุทธศาสตร์การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันของประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียน
สมาคมเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน มีความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทย และประชาชนชาวไทย จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา โดยมีทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างเต็ม และจากการสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งล่าสุดวัคซีนซิโนแวค ที่รัฐบาลไทยจัดซื้อเพิ่มจำนวน 1.5 ล้านโดสมาถึงประเทศไทยแล้ว ปัจจุบันจีนได้ส่งออก และบริจาควัคซีนซิโนแวคให้แก่ประเทศไทยแล้วจำนวน 8 ชุด รวมทั้งสิ้น 6 ล้านโดส จะป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยได้อย่างเต็มที่
พลโท คุมพล ยังกล่าวเสริมว่า ไม่ใช่แค่เพียงปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 ความช่วยเหลือของจีน ยังครอบคลุมไปถึงประเด็นทางการเมืองภายในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งมติในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศย่านอาเชียนครั้งล่าสุด ได้มีความพยายามพูดคุย เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจที่ตรงกันต่อการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ในประเทศพม่า ขณะที่แนวทางการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ นโยบายขับเคลื่อนความริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ยังคงเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ที่จีนจะมุ่งให้ความร่วมมือและสนับสนุนภาคการลงทุนสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศต่างๆ ในอาเชียน
ด้าน ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร นายกสมาคมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีน กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 หรือปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศอาเซียน ถือเป็นศึกใน แต่ไม่น่ากลัวเท่าศึกนอก ซึ่งก็คือ การแทรกแซงภูมิภาคอาเซียนของชาติตะวันตก ซึ่งนักการเมือง-ประชาชน ในประเทศนั้นๆ ต้องร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว อยากให้ดูประเทศจีนเป็นตัวอย่าง ซึ่งตอนนี้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ในประเทศจีนไม่มีแล้ว และจีนยังพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศในแถบอาเซียนทั้งหมด เรื่องการเมืองระหว่างประเทศก็ต้องเป็นเรื่องภายใน เชื่อมั่นในแนวคิดของจีน คือ คนนอกประเทศไม่ควรไปยุ่ง
พร้อมกล่าวต่อว่า โดยพื้นฐานทางวัฒนธรรม การศึกษา การแพทย์ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในแถบอาเซียน ต้องเชื่อมั่นการในตัวผู้นำประเทศนั้นๆ ปัญหาของใครก็ควรแก้ไขด้วยตนเอง ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ และร่วมกันต่อต้านการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ของชาติตะวันตก พร้อมกับพัฒนาภูมิภาคด้านเศรษฐกิจอย่างสันติและมั่นคง รวมถึงช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมซึ่งกันและกัน